ถ้าจะพูดถึงผู้เล่นที่ภักดีที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลยุคนี้ ชื่อของ “โธมัส มุลเลอร์” คือหนึ่งในนั้นแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ล่าสุดเจ้าตัวได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะอำลาทีมรัก บาเยิร์น มิวนิค หลังจบศึกชิงแชมป์สโมสรโลกที่สหรัฐอเมริกาในกลางปี 2025 ซึ่งนั่นหมายความว่าเส้นทาง 25 ปีของเขากับ “เสือใต้” กำลังจะถึงตอนจบ มุลเลอร์ไม่ใช่แค่แข้งมากฝีมือ
แต่เขาคือไอคอนของสโมสร เป็นนักเตะที่เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของบาเยิร์นอย่างแท้จริง ไล่ตั้งแต่ปี 2000 ตอนยังเป็นเด็กอายุแค่ 11 ปี จนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2008 เขาลงเล่นให้บาเยิร์นกว่า 700 นัด ยิงประตูเป็นร้อย แอสซิสต์อีกนับไม่ถ้วน พาทีมคว้าแชมป์มากมาย และเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลก
โธมัส มุลเลอร์ เด็กสร้างของเสือใต้ที่กลายเป็นตำนาน
โธมัส มุลเลอร์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของบาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่อายุเพียง 11 ขวบในปี 2000 และใช้เวลาเพียง 8 ปีเท่านั้นก็ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2008 นับจากวันนั้นเขาไม่เคยหันหลังให้สโมสรเลยแม้แต่ครั้งเดียว มุลเลอร์ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้วถึง 742 นัด ทำไป 247 ประตู และจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมถึง 273 แอสซิสต์
นอกจากผลงานในระดับสโมสร เขายังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติเยอรมนี โดยติดทีมชาติไปทั้งหมด 131 นัด ยิงได้ 45 ประตู โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก 2010 และ 2014 ที่เขาโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยคว้าแชมป์โลกกับเยอรมนีในปี 2014 ซึ่งกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตค้าแข้งของเขา การได้เห็นนักเตะคนหนึ่งอยู่กับทีมเดียวตั้งแต่เยาวชนจนถึงวาระสุดท้ายแบบนี้ ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในยุคปัจจุบัน และนั่นทำให้มุลเลอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความภักดี ความมุ่งมั่น และความรักในเสื้อแข่งสีแดงเลือดหมูอย่างแท้จริง
33 แชมป์ที่ไม่มีใครเทียบ ความสำเร็จที่พูดแทนตัวตน
ตลอดระยะเวลา 25 ปีกับบาเยิร์น มิวนิค มุลเลอร์คว้าแชมป์ไปทั้งหมดถึง 33 รายการ ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าทึ่งอย่างมากในวงการฟุตบอล ประกอบด้วย
- แชมป์บุนเดสลีกา 12 สมัย
- เดเอฟเบ-โพคาล 6 สมัย
- เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ 8 สมัย
- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย
- ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย
- ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย
- ย้อนรอย ดูบอลย้อนหลัง ผลงานของ มุลเลอร์ ได้ที่นี้
ไม่มีนักเตะคนใดในประวัติศาสตร์ของบาเยิร์นที่ทำได้มากเท่านี้ และที่สำคัญคือเขาไม่ได้แค่ร่วมทีม แต่มีบทบาทสำคัญในแทบทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นประตูสำคัญ แอสซิสต์คมกริบ หรือบทบาทความเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว การมีมุลเลอร์อยู่ในสนาม เปรียบได้กับการมีหัวใจของบาเยิร์นเต้นอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ใช่เพียงนักเตะ แต่คือแรงบันดาลใจให้รุ่นน้อง และคือตัวแทนของคำว่า “Mia san Mia” ที่แท้จริง
คำอำลาที่สุดแสนอบอุ่น และเป้าหมายก่อนจากลา
ในวันประกาศอำลา มุลเลอร์ได้ออกมาเปิดใจผ่านสื่อสโมสรด้วยข้อความที่ซาบซึ้งใจว่า “25 ปีของผมในฐานะนักเตะบาเยิร์น มิวนิค จะสิ้นสุดลงในช่วงซัมเมอร์ มันเป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อ ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร การเผชิญหน้าที่ยอดเยี่ยม และชัยชนะที่น่าจดจำ” เขายังยืนยันว่าความรักที่มีต่อสโมสรแห่งนี้จะไม่มีวันจางหายไป พร้อมประกาศเป้าหมายอย่างหนักแน่นว่า จะทุ่มเทเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือ เพื่อช่วยพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา และทะลุไปถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2025 ให้ได้
การอำลาครั้งนี้ไม่ได้มาในช่วงที่ฟอร์มตก หรือถูกลดบทบาท แต่มาจากการตัดสินใจของมุลเลอร์เองที่ต้องการปิดฉากอย่างสวยงาม พร้อมความภาคภูมิใจ และยังมีเป้าหมายให้แฟนบอลได้ร่วมฉลองครั้งสุดท้าย ส่วนในทางเวทีพรีเมียร์ลีก ก็ยังมี เควิน เดอ บรอยส์ อีกรายที่เพิ่งกล่าวอำลาต้นสังกัดโดยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่งกล่าวลาอย่างอบอุ่นไปไม่นานมานี้
บทส่งท้าย ตำนานที่ไม่มีวันจางของบาร์เยินมิวนิค
เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นในศึก ฟุตบอลโลก 2026 นั่นจะเป็นฉากจบของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของชายผู้เป็นมากกว่านักเตะ เขาคือแรงบันดาลใจ เป็นผู้นำ เป็นผู้สร้างรอยยิ้ม และคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของสโมสรที่ชื่อว่า “บาเยิร์น มิวนิค” แม้โธมัส มุลเลอร์จะอำลาไปจากสนาม แต่ความทรงจำของเขาจะยังคงอยู่ในหัวใจของแฟนบอลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นจังหวะยิงประตูสุดเฉียบ มุกตลกน่ารักในสนามซ้อม หรือการวิ่งไล่บอลแบบไม่มีหมดแรงในนาทีที่ 90
ชื่อของเขาจะยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะนักเตะต้นแบบของความภักดี ความมุ่งมั่น และการทำงานหนักจนถึงวาระสุดท้าย และแม้เขาจะไม่อยู่ในสนามอีกต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ แฟนบอลจะยังคงร้องเพลงให้กับเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม เพราะสำหรับบาเยิร์น มิวนิค แล้ว โธมัส มุลเลอร์ ไม่ใช่แค่นักเตะ แต่คือตำนานที่มีชีวิตอยู่ในทุกเสี้ยวประวัติศาสตร์ของสโมสร
