เช็ก 4 ชาติที่คว้าตั๋วลุยศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

ฟุตบอลโลก 2026

การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 (FIFA World Cup 2026) เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะจะเป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มจำนวนทีมจาก 32 ทีม เป็น 48 ทีม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก โดยเจ้าภาพร่วมครั้งนี้คือ แคนาดา, สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ซึ่งได้รับสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ

ในขณะเดียวกัน การแข่งขันรอบคัดเลือกจากทั่วทุกภูมิภาคของโลกก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และตอนนี้ก็เริ่มมีชาติที่การันตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายแล้ว โดยมีทั้งหมด 4 ชาติที่ผ่านรอบคัดเลือกและคว้าตั๋วฟุตบอลโลก 2026 ได้สำเร็จ ซึ่งรวมกับเจ้าภาพอีก 3 ชาติ ทำให้ตอนนี้มีทั้งหมด 7 ชาติที่การันตีสิทธิ์ลงเล่นในเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกลูกหนัง

เปิดฉากเส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2026 ความฝันของ 48 ชาติทั่วโลก

ฟุตบอลโลก 2026 กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อฟีฟ่าตัดสินใจเพิ่มจำนวนทีมจาก 32 เป็น 48 ชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมจากหลากหลายภูมิภาคได้สัมผัสเวทีระดับโลกมากขึ้น  การแข่งขันรอบคัดเลือกจึงกลายเป็นศึกที่ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม และในขณะที่หลายประเทศยังต้องลุ้นกันอย่างหนัก ก็ได้มีบางชาติที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงจนคว้าตั๋วไปลุยรอบสุดท้ายได้แล้วเรียบร้อย ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึก 4 ชาติแรกที่การันตีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบแบบเต็มภาคภูมิ พร้อมวิเคราะห์เบื้องหลังความสำเร็จของแต่ละทีมอย่างละเอียด!

อาร์เจนตินา คว้าตั๋วลุยเวทีโลก แม้ยังไม่ลงสนาม!

ฟุตบอลโลก 2026

หนึ่งในข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ (CONMEBOL) คือการที่ทีมชาติอาร์เจนตินา แชมป์เก่าจากฟุตบอลโลก 2022 ได้ตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 โดยที่พวกเขายังไม่ได้ลงสนามในแมตช์สำคัญกับบราซิลด้วยซ้ำ

สาเหตุที่ทำให้ “ฟ้า-ขาว” การันตีตั๋วได้ก่อนเตะ เป็นเพราะผลการแข่งขันของคู่ โบลิเวีย กับ ปารากวัย ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ส่งผลให้คะแนนสะสมของอาร์เจนตินาเพียงพอที่จะติดหนึ่งใน 6 อันดับแรกของตารางคะแนนรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นโควตาที่ได้รับสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ ทำให้ ราคา บอล ในการเดิมพันของทีมชาติอาร์เจนตินา อยู่ในโซนเต็งแชมป์ที่จ่ายต่ำที่สุดของรายการนี้

ญี่ปุ่น จ่าฝูงเอเชีย ฟอร์มดุไม่พลาด

ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นชาติแรกจากทวีปเอเชีย (AFC) ที่คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 โดยพวกเขาผ่านรอบคัดเลือกด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมเอเชียที่มีมาตรฐานสูงสุดในระดับโลก ญี่ปุ่นผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างง่ายดาย และเดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องในรอบคัดเลือกรอบต่อไป ทำให้พวกเขาการันตีอันดับที่เพียงพอสำหรับตั๋วสู่เวทีโลก

อิหร่าน ยอดทีมจากตะวันออกกลางไม่พลาดเป้า

อิหร่านเป็นอีกหนึ่งตัวแทนจากเอเชียที่คว้าตั๋วฟุตบอลโลก 2026 ได้อย่างแน่นอน ด้วยผลงานที่แข็งแกร่ง และระบบเกมรับที่เหนียวแน่น พวกเขากลายเป็นทีมที่คาดเดายาก และมักทำผลงานได้ดีในรอบคัดเลือกเสมอ จากการมีนักเตะที่เล่นในลีกยุโรปอย่างต่อเนื่อง เช่น เมห์ดี ทาเรมี และ ซาร์ดาร์ อัซมูน ทำให้ขุมกำลังของอิหร่านแข็งแกร่ง และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

นิวซีแลนด์ ตัวแทนแห่งโอเชียเนีย คว้าตัวยืนหนึ่งโซน

แม้ว่าทวีปโอเชียเนียจะมีจำนวนชาติสมาชิกไม่มากนัก แต่ทีมชาตินิวซีแลนด์ก็ยังคงเป็นชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้ และคว้าตั๋วเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2026 ได้สำเร็จอีกครั้ง โดยพวกเขาเข้ารอบแบบอัตโนมัติ จากโควตา 1 ทีมในโซนโอเชียเนีย ซึ่งไม่มีคู่แข่งที่สูสีเท่าใดนัก ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่นิวซีแลนด์จะคว้าสิทธิ์ไปลุยฟุตบอลโลกอีกสมัย

3 เจ้าภาพ: แคนาดา, เม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา

  • แคนาดา
  • เม็กซิโก
  • สหรัฐอเมริกา

ทั้ง 3 ชาติจะได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยไม่ต้องเล่นรอบคัดเลือก ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบของการเป็นเจ้าภาพ และทำให้พวกเขาสามารถวางแผนเตรียมทีมได้อย่างเต็มที่ล่วงหน้า

สรุปรายชื่อ 7 ชาติที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

  • อาร์เจนตินา – โซนอเมริกาใต้ (แชมป์เก่า)
  • ญี่ปุ่น – โซนเอเชีย
  • อิหร่าน – โซนเอเชีย
  • นิวซีแลนด์ – โซนโอเชียเนีย
  • แคนาดา – เจ้าภาพ
  • เม็กซิโก – เจ้าภาพ
  • สหรัฐอเมริกา – เจ้าภาพ

บทส่งท้าย การเริ่มต้นของมหกรรมลูกหนังระดับโลก

แม้ว่าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการคัดเลือก แต่ภาพรวมของ ฟุตบอลโลก 2026 ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ชาติใหญ่ทยอยการันตีตั๋ว ส่วนชาติเล็กก็ยังคงมีลุ้นจากโควตาที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละทวีป การขยายจำนวนทีมสู่ 48 ชาติอาจทำให้การแข่งขันรอบแรกมีสีสันและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แข็งแกร่งอย่างอาร์เจนตินา หรือชาติที่กำลังพัฒนาอย่างนิวซีแลนด์ ทุกทีมต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศของตนในมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกีฬา และเราทุกคนในฐานะแฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอชมการต่อสู้สุดมันในปี 2026 อย่างใจจดใจจ่อ

อ่านข่าวบอลอื่นๆ